HeaderAd

Tuesday, December 16, 2014

เปลี่ยนวิธีการหายใจ แล้ววิ่งดีขึ้น


วันนี้ผมจะมารายงานผลการทดสอบการวิ่ง หลังจากที่ผมลองฝึกวิธีการหายใจซึ่งได้เล่าให้ฟังไปแล้วไปในคราวที่แล้ว ตอนนี้ลองหายใจแบบใหม่ไปได้แค่ 2 อาทิตย์น่ะ เอาล่ะมาดูกันเลยว่าผลจะเป็นอย่างไร

เปลี่ยนวิธีการหายใจ แล้ววิ่งดีขึ้น
ตอนนี้ผมวิ่งโดยพยายามให้สนใจที่วิธีการหายใจ โดยจะหายใจโดยใช้ท้อง เพื่อที่จะให้ "หายใจได้ยาวขึ้น และหายใจได้ลึกขึ้น" สิ่งที่รู้สึกในตอนแรกเลยคือ รู้สึกว่าวิ่งช้าลง แต่ว่าพอผมไปดูเวลาจริงๆก็พบว่าใช้เวลาเท่าเดิมน่ะ แต่รู้สึกว่าไม่เหนื่อยเท่าเดิมแล้ว ซึ่งอาจจะเป็นเพราะผมรู้สึกว่าไม่เหนื่อยก็เลย คิดว่าวิ่งช้า หลังจากผ่านไป 1 อาทิตย์ก็ลองเร่งความเร็วดู โดยพยายามหายใจโดยใช้ท้องเป็นหลักเหมือนเดิม ผลก็คือ วิ่งเท่าเดิมแต่ใช้เวลาเร็วขึ้น และเหนื่อยน้อยกว่าก่อนฝึกหายใจนิดหน่อยครับ

สิ่งที่เจอระหว่างฝึก
เวลาที่ผมวิ่งแล้วพยายามพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่การหายใจ บางครั้งจะลืมยกขาให้สูงขึ้น เวลาที่วิ่งเจอกับพื้นไม่เรียบ ทำให้วิ่งแล้วสะดุดครับ!!! อันนี้เลยฝากมาเตือนกันสำหรับคนที่วิ่งแล้วทางวิ่งไม่ค่อยเรียบครับ

สรุป
วิธีการหายใจโดยใช้ท้องมีผลต่อการวิ่งของผมจริงๆ ซึ่งทำให้อึดมากขึ้นครับ ถ้าเพื่อนๆคนไหนมีวิธีการอะไรดีๆก็มาแนะนำกันได้น่ะครับ ขอบคุณครับ

ขั้นต่อไป อิอิ เป้าหมายมีไว้พุ่งชม  step ต่อไปของผมคือ พยายามก้าวขาให้กว้างขึ้น เพราะตอนนี้แต่ละก้าวยังไม่กว้างนัก เดี๋ยวลองแล้วได้ผลเป็นอย่างไรจะมา update ให้ฟังครับ
Continue Reading...

Wednesday, December 3, 2014

ตอนวิ่งต้องหายใจทางปากหรือ ทางจมูกดีกว่ากัน?


พอวิ่งบ่อยๆเข้าจนเป็นเรื่องในชีวิตประจำวันเสมือนการอาบน้ำ แปรงฟัน แล้วถ้าวันไหนไม่ได้ทำ ก็จะรู้สึกหงุดหงิด ฮ่าๆๆๆ แล้วอยู่ๆก็นึกถึงเรื่องที่ลืมคิดไป นั่นก็คือ "การหายใจ" เพราะตอนที่วิ่งจะมีทั้งหายใจด้วยปากและด้วยจมูก ก็เลยอยากรู้เหมือนกันว่า เราควรหายใจด้วยปากหรือจมูกจะดีกว่ากัน วันนี้เลยไปนั่งอ่านข้อมูลแล้วเอามาแชร์กัน

วิ่งแล้วควรหายใจ ทางจมูกหรือทางปากดี
จากที่ไปค้นคว้ามา ถ้าเป็นนักวิ่งเก่าๆบางคน จะมีความเชื่อและสอนกันเลยว่า ควรบังคับให้หายใจทางจมูกอย่างเดียว อันนี้ผมไม่ทราบเหตุผลของเขาน่ะ แต่เรามาดูปัจจุบันกันดีกว่า

หายใจทางจมูก แตกต่างจากหายใจทางปากอย่างไร
จริงๆทางการแพทย์จะหายใจด้วยปากหรือจมูก ปอดก็ได้อากาศเหมือนกันครับ เพราะท่อนำอากาศไปที่ปอดก็เชื่อมกันระหว่างหลังโพร่งจมูกกับด้านหลังของปาก แต่การหายใจจากจมูกจะมีข้อดีกว่าสองข้อ คือ มีขนจมูกช่วยกรองฝุ่นละอองต่างๆ และ เส้นเลือดฝอยในจมูกจะช่วยปรับอุณหภูมิ ซึ่งตอนที่เราวิ่งนั้น ไม่จำเป็นต้องไปปรับอุณหภูมิให้อุ่นขึ้นก็ได้ เพราะร่างกายเราร้อนอยู่แล้ว แต่ฝุ่นละอองถ้ากรองได้จะดีมากกว่าครับ

สิ่งที่ต้องสนใจสิ่งแรก ไม่ใช่หายใจทางจมูก หรือหายใจทางปาก
ตอนนี้เท่าที่อ่านหลายๆเวป ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ จะให้ focus หรือพุ่งความสนใจไปที่ "วิธีการหายใจ" เป็นสิ่งแรก ซึ่งเราต้องหายใจให้ถูกวิธี นั่นคือ หายใจด้วยท้อง หรือ กระบังลมที่ท้อง โดยเราจะสามารถสังเกตุบริเวณท้อง ถ้าหายใจเข้า หน้าท้องต้องโป่ง และถ้าหายใจออก หน้าท้องจะต้องยุบ

ต่อจากนั้น ให้พยายาม"หายใจให้ยาว" คือ แทนที่เราจะหายใจเข้า-ออกเร็วๆ เราจะเหนื่อยเร็วกว่า การที่จะหายใจเข้า-ออก ช้าๆ แต่ยาวกว่าครับ อันนี้ผมกำลังฝึกอยู่เหมือนกัน เพราะวิ่งไปแปปเดียวก็จะลืม! แล้วก็กลับไปหายใจเหมือนเดิม ฮ่าๆๆๆๆ

แต่เราก็ยังต้องสนใจหายใจทางจมูก และทางปากด้วย
การหายใจทางปากเป็นกลไกตามธรรมชาติที่ร่างกายกำลังบอกเราว่า "ขออากาศ!!! PLEASE" ตอนที่เราเริ่มวิ่งก็ควรหายใจทางจมูก เพราะอย่างน้อยก็ช่วยกรองฝุ่น แล้วพอวิ่งไประยะหนึ่งแล้วรู้สึกว่า ต้องเริ่มหายใจทางปาก แสดงว่า "ร่างกายได้รับอากาศไม่พอ" เลยต้องการอากาศเพิ่ม สำหรับตัวผมเองน่ะ มันแปลง่ายๆว่า "เราอาจจะลืมตัว ไม่ได้หายใจด้วยท้องเลยได้อากาศไม่พอ" หรือ "ไม่ได้หายใจลึก หรือหายใจให้ยาว" หรือ "เหนื่อยแล้วจริงๆ" เท่าที่ลองมาด้วยตัวเอง ก็จะมี 3 กรณีที่ต้องหายใจด้วยปากครับ

สรุป
หายใจด้วยท้อง - สิ่งแรกที่เราต้องสนใจเลย คือ วิธีการหายใจนั่นเอง คือ หายใจด้วยท้อง เพราะการหายใจด้วยท้อง เราจะสามารถฝึกต่อให้ "หายใจให้ยาว หรือหายใจให้ลึกขึ้น"
สังเกตุเมื่อหายใจด้วยปาก - ถ้าเราเริ่มใช้ปากหายใจ ให้สังเกตุว่าเราเหนื่อยจริงๆ หรือว่าเราเองที่ลืมตัวแล้วหายใจผิดวิธีเลยทำให้ร่างกายเราได้รับอากาศไม่พอ

Updated: รายงานผลการวิ่งหลังจากที่เปลี่ยนวิธีการหายใจครับ และถ้าเพื่อนคนไหนมีเทคนิคอะไรดีๆ มาแนะนำและแชร์กันเลยครับ
Continue Reading...

Monday, December 1, 2014

เมื่ออยากวิ่งให้สนุก จนเผลอไปเกรียนใส่คนอื่น?!?!


พอการวิ่งเริ่มกลายเป็นส่วนนึงในชีวิตประจำวัน เฉกเช่น การอาบน้ำ แปรงฟันหลังตื่นนอน ทำให้ตัวผมเองก็อยากสนุกกับการวิ่งทุกครั้งถ้าสามารถทำได้ จนบางทีก็เล่นสนุกโดยการไปวิ่งตามไปนักวิ่งคนอื่น ทั้งๆที่ไม่รู้จักกัน?!?! และจากประสบเกรียนของผม สามารถบอกได้เลยว่า การทำแบบนี้(วิ่งตามคนอื่น) มันก็มีทั้งนักวิ่งที่ชอบและนักวิ่งที่ชอบมากๆครับ เลยจะมาเล่าให้ฟังกัน อิอิ

ทำไมเราต้องวิ่งตามคนอื่น
ขอออกตัวก่อนน่ะ การไปวิ่งตามชาวบ้านบ่อยๆน่ะ ไม่ดี เข้าใจตรงกันน่ะ แต่ที่ทำหรือเกรียนเป็นบางครั้ง เพราะผมอยากวิ่งให้สนุกๆบ้าง เหตุผลก็คือ ถ้าเราไปวิ่งคนเดียว เราอาจจะตั้งเป้าหมายว่า วันนี้จะวิ่ง 10 km น่ะ แต่ถ้าเราไปวิ่งตามคนอื่นแล้วเราไม่รู้เลยยยยยย ว่าท่านพี่จะวิ่งไปนานแค่ไหน ไกลเท่าไร ผมว่ามันเป็นวิ่งที่วัดใจมากกกกกกก ฮ่าๆๆๆๆ อารมณ์คงจะคล้ายๆกับเราไปวิ่งในฟิตเนส ตอนที่เราวิ่งคนเดียวเราก็วิ่งเท่าที่ตั้งใจแล้วก็หยุด แต่พอมีคนมาวิ่งข้างๆ หลายๆครั้งเราจะกลัวเสียฟอร์ม เราเริ่มหลังเขา ทำไมเราถึงหยุดวิ่งก่อนล่ะ ถ้าใครเข้าไปวิ่งไปฟิตเน็ต คงจะเข้าใจความรู้สึกนี้เป็นอย่างดี ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

คำเตือน ก่อนที่คุณจะไปวิ่งตามชาวบ้าน
ทางที่คุณไปวิ่ง -  เส้นทางที่คุณไปวิ่งน่ะ มันมีลักษณะเป็นลู่วิ่งที่เราต้องวิ่งทางนี้อยู่แล้ว เช่น ทางในสวนลุมฯ หรือว่าเราไปวิ่งในหมู่บ้าน ถ้าคุณไปวิ่งตามคนอื่นในหมู่บ้าน อันนี้ผมไม่เห็นด้วย และไม่แนะนำถ้าคุณไม่รู้จักเขาน่ะครับ เพราะมันดูอันตรายไป ลองนึกดูว่า อยู่ๆมีใครก็ไม่รู้มาวิ่งตามเราในหมู่บ้าน ฮ่าๆๆๆๆๆ แต่ถ้าเป็นทางวิ่งที่สวนลุมฯ หรือที่สวนหลวง ทางมันค่อนข้างบังคับระดับนึงเลยว่าต้องไปทางนี้ มันไม่ค่อยมีทางแยก อันนี้ผมว่ายังพอรับได้น่ะ

ทิ้งระยะให้ห่างๆก็ได้ - ที่ผมบอกว่าไปวิ่งตาม ไม่ใช่ไปวิ่งประกบติด แบบในหนังขับรถประกบ ประเภทกันชนเกือบจะจูบกันอยู่แล้ว เวลาไปกำหนดว่า วันนี้ผมอยากจะวิ่งให้ได้เท่าพี่เขา ผมจะตามในระยะสายตา คือ ห่างกันเยอะเลยน่ะ อาจจะมีเราเร่งให้ใกล้เข้าไปอีกบ้าง หรือผ่อนบ้าง เอาเป็นว่าถ้าเป็นคุณเอง คุณจะสบายไหมถ้ามีคนมาวิ่งตามใกล้ๆ ดังนั้นเราอยู่แค่พอมองเห็นเขาก็พอครับ จะห่าง 500 เมตรเลยก็ยังได้

ขอให้คุณสนุกกับการเกรียน...เอ๊ย การวิ่งน่ะครับ แล้วบางทีคุณอาจจะแปลกใจว่า จริงๆแล้วเราเองก็วิ่งได้เยอะเหมือนกันน่ะ เพียงแต่เราไปหยุดก่อนเองก็แค่นั้น

ปล. ถ้าผมเคยไปวิ่งตามใครแล้วไม่ชอบ ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ (^人^)
Continue Reading...

Followers

Tags