HeaderAd

Wednesday, November 5, 2014

กำลังใจและข้อคิดเตือนสติจาก คำที่แปลว่ารัก โดยวินทร์ เลียววาริณ

Share it Please

ถ้าหากว่าการวัดว่าหนังสือสักเล่มจะดีหรือไม่ดีนั้น โดยใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ผมว่า"หนังสือของวินทร์ เลียววาริณ"จัดว่าดีมากเลยครับ อย่างวันนี้ผมได้กลับมาอ่านหนังสือ คำที่แปลว่ารัก ซึ่งเป็นหนังสือในชุดเสริมกำลังใจ แต่สิ่งที่ผมจะมาเล่าในวันนี้คือ ข้อคิดดีๆที่ช่วยเตือนสติครับ

บิล กรอส(Bill Gross)
ในแวดวงการเงินของอเมริกานั้น หลังจากการทำการสำรวจแล้วพบว่าบิล กรอส ถูกยกย่องว่ามีความสามารถในการคาดการณ์และวิเคราะห์สภาพทางการเงินของตลาดโลกได้แม่นยำมาก โดยเป็นรองแค่ท่านเทพ วอเร็น บัฟเฟตต์ เท่านั้นครับ โดยคุณบิล กรอสนั้นดูแลกองทุนตราสารหนี้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ใหญ่แค่ไหนน่ะเหรอ ก็แค่ หกล้านล้านบาทเท่านั้นเอง!!! ซึ่งมากกว่างบรายจ่ายประจำปีของประเทศไทยอีกครับ ฮ่าๆๆๆๆๆ ซึ่งคุณบิล กรอสเคยกล่าวไว้ว่า ความสำเร็จที่มีนั้น ส่วนหนึ่งก็มาจากประสบการณ์ที่เคยผ่านมาด้วย

ตอนที่ยังเป็นหนุ่ม เขาเคยไปพักผ่อนที่รีสอร์ทซึ่งมีโต๊ะพนันด้วย แล้วในตอนนั้นบิลมีเงินอยู่ 50 เหรียญ แล้วอยากดูฝีมือการพนันว่าเป็นอย่างไร โดยไปที่โต๊ะแบล็คแจ๊ค ผลคือ เงินหายไปทั้งหมดภายใน 5 นาที บิลพบว่าการหาเงินโดยการเสี่ยงแบบนี้ไม่ทำให้เขารวยได้ เพราะเขาไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ นี้เป็นบทเรียนที่หนึ่ง

ต่อมาบิลได้ประสบอุบัติเหตุจนกะโหลกร้าว ทำให้ต้องนอนพักฟื้นหลายเดือน และช่วงเวลานั้นเขาได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับการนับไพ่เพื่อเอาชนะเจ้ามือแบล็คแจ็คให้ได้ ซึ่งต้องเรียกได้เลยว่าอ่านในระดับ หมกมุ่น เพื่อเล่นให้ชนะแบล็คแจ็ค และในปี 1965 เขาก็กลับสู่สนาม เอ๊ย.,,กลับไปที่โต๊ะแบล็คแจ็คอีกครั้ง และทุ่มเทอย่างหนัก เขาเล่นวันละ 16 ชั่วโมง นาน 4 เดือน บร๊ะเจ้า...จากเงิน 200 เหรียญกลายเป็น 10,000 เหรียญ ซึ่งใน 1965 ถือว่าไม่น้อยเลยนะ แต่เมื่อบิล กรอสกลับมานั่งคำนวณกลับพบว่า ด้วยชั่วโมงทำงานที่หนักขนาดนี้ เขากลับได้เฉลี่ยชั่วโมงล่ะ 5 เหรียญเท่านั้น นี้มันน้อยกว่าค่าแรงขั้นต่ำของแรงงานในตอนนั้นอีก!!!  นี้เป็นบทเรียนที่สอง


เรื่องที่ผมเล่าได้ข้างต้น ผมนำมาจากบท The Big Picture ที่คุณวินทร์ เลียววาริณได้เขียนไว้ครับ คือ เรื่องนี้มันโดนใจผมมาก ตรงที่คนส่วนมากน่ะเรียนรู้จากความผิดพลาดอยู่แล้ว แค่น้อยคนนักที่จะเรียนรู้จากความสำเร็จด้วยเช่นกัน ทำให้คนส่วนมากเลยพอสำเร็จแล้วก็ทำแบบเดิมๆ เพราะคิดว่าแบบนี้ล่ะจะสำเร็จ เลยเดินย่ำรอยเดิมไป แต่กว่าจะรู้ตัว พวกเขาก็อาจจะต้องล้มเหลวเพราะประสบการณ์ของชัยชนะอย่างไม่น่าเชื่อ!!! เรื่องนี้เราเห็นในโลกธุรกิจได้บ่อยครั้งไป

สิ่งที่ผมคิดและอยากฝากไว้ก็คือ 
"สิ่งที่สำคัญกว่าชัยชนะก็คือความไม่ประมาท ความไม่ยินดียินร้ายเกินเหตุ โดยเฉพาะคนที่ชนะบ่อยๆ"

No comments:

Post a Comment

Followers

Tags