HeaderAd

Wednesday, June 25, 2014

หนังสือแนะนำ: เงินหรือชีวิต เปลี่ยนทัศนคติต่อเงิน สู่อิสรภาพของชีวิต (Recommended Book: Your money or Your Life)

Share it Please
"แม้ผู้คนรวยขึ้นเป็น 2 เท่า แต่กลับเป็นสุขน้อยลง"
การสำรวจของศูนย์วิจัยทัศนคติแห่งชาติของมหาวิทยาลัยชิคาโก 
(พ.ศ. 2500 จนถึง พ.ศ. 2541)

English version

ฉบับภาษาไทยของ มูลนิธิโกมลคีมทอง


เราอาจจะเคยได้ยินประโยคที่ว่า หนังสือดีเปลี่ยนชีวิต วันนี้ผมจะมายืนยันอีกครั้งว่า คำกล่าวนี้เป็นจริง หาใช่ว่านิทานหลอกเด็กชวนฝันของการตลาด คำกล่าวนี้ไม่ใช่เรื่องชวนฝันจากฝ่ายโฆษณา หนังสือที่ผมจะมาเล่าในวันนี้ คือ "Your money or Your Life" หรือ "เงินหรือชีวิต เปลี่ยนทัศนคติต่อเงิน สู่อิสรภาพของชีวิต" ฉบับที่ผมมีนั้นเป็นของมูลนิธิโกมลคีมทอง ตามรูปที่แสดงให้ดู

หนังสือเล่มนี้เก่ามากกกกแล้วนะครับ อ่านไปครั้งแรกน่าจะประมาณ 10 ปีที่แล้ว...(เริ่มรู้สึกว่าตัวเองแก่) อย่างที่บอกไปนะครับว่าหนังสือเล่มนี้เก่าแล้ว ต้นฉบับภาษาอังกฤษถ้าจำไม่ผิดจะพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ ปี 1992 ตอนนี้มีการตีพิมพ์ภาษาอังกฤษฉบับปรับปรุงเนื้อหาใหม่แล้ว ผมอ่านเฉพาะภาษาไทยของมูลนิธิโกมลคีมทองนะครับ เข้าใจตรงกันก่อนนะ

ทีนี้ด้วยความที่หนังสือมันเก่า การเขียน การดำเนิน การเล่าเรื่อง จะช้ามากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก เปรียบเทียบได้กับ Lord of The Ring เล่มแรก ตอนแรกๆที่เล่า พรรณนาถึงสภาพแวดล้อมในโลกของฮอบบิท ถ้าใครเคยอ่านคงจะจำกันได้ว่า ช่วงแรกนั้นเล่ารายละเอียดซะเยอะ จนไม่อยากจะอ่าน ประมาณว่า บรรยายแม่งต้นไม้ทุกต้น ต้นหญ้าทุกก่อ  

หนังสือเล่มนี้ก็บรรยายช่วงแรกได้...เรื่อยๆมาก แต่ผมโชคดีที่สามารถทนอ่านจนถึงช่วงสนุกได้ เช่นเดียว Lord of The Ring ถ้าพ้นช่วงแรกไปได้แล้ว เราก็จะสนุกมาก  "Your money or Your Life" ก็เหมือนกัน!!! เท่าที่ผมนั่งไตร่ตรองดู ก็คงเป็นเพราะหนังสือได้บรรยาย ลงรายละเอียดถึงแนวคิดต่างๆ เกี่ยวกับการทำงาน ถ้าจะพูดให้ถูกน่าจะเป็นการเล่าประวัติการทำงานของมวลมนุษย์เลยดีกว่า เพราะเล่ารวบรวมและคลอบคลุม หลายเรื่องมากๆ เพราะว่าผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ คือ โจ โดมิงเกซและวิกกี้ โรบิน เคยทำงานอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ Wall Street และเกษียณอายุตัวเองตอน 31 ปี เพราะคำนวณดูแล้ว รู้ว่ามีความสุขมากกว่า!!!

สิ่งที่หนังสือเล่มนี้ได้เขียนไว้ ผมและคนอีกหลายๆคน ได้ใช้เป็นพื้นฐานในการลงทุนของชีวิตนี้เลย รวมไปถึงหนังสือสมัยนี้อีกหลายๆเล่ม ได้นำแนวคิดของหนังสือเล่มไปใช้ สิ่งที่สำคัญที่ต้องพูดถึงถ้าอ่านหนังสือเล่มนี้ คือ เงินที่ได้จริงๆจากการทำงานนั้น เราได้จริงๆเท่าไร เพราะว่าเราทุกคนต้องแลกด้วยพลังงานและเวลาของเราเองที่มีอย่างจำกัดในการใช้ชีวิตบนโลกใบนี้ ย้ำอีกครั้งว่า หนังสือเล่มนี้ลงรายละเอียดมากครับ ถ้าคุณอ่านแล้วอยากรู้ว่าทำไมผมไม่สรุปออกมาให้อ่านล่ะ ผมบอกเลยว่า มันได้คนละอารมณ์กันครับ

และจุดสุดยอดดด ของหนังสือนี้สำหรับผม คือ ตอนที่บอกให้เห็นว่า "เราประหยัดไปทำไม" หลายคนคงจำกันได้ว่าตอนที่เรียนตั้งแต่สมัยประถมเลย คุณครูให้ทำสมุดบัญชี เพื่อให้นักเรียนรู้จักการออมเงิน แต่พอโตขึ้นมา ประหยัดนะรู้จัก แต่การทำงานและชีวิตจริง มันไม่ได้สวยหรูเสมอ มันทั้งความเครียด ความทุกข์ จนบางทีเราก็ท้อว่า จะประหยัดไปทำไมกัน ถ้าตายไปเราก็เอาไปไม่ได้ และหลายคนก็เลย ใช้เงินซื้อความสุข และจุดนี้เอง ผมและคนอีกหลายคนยังไม่เห็นภาพที่ชัดเจนว่า เราจะประหยัดไปทำไม!!! 

หนังสือเล่มครับ ตอบได้ และ เห็นภาพชัดเจนแน่นอน!!! ผมยืนยัน นอนยัน นั่งยัน ก็เล่นเล่าซะละเอียดขนาดนั้น (หนังสือ เงินหรือชีวิต เปลี่ยนทัศนคติต่อเงิน สู่อิสรภาพของชีวิต หนา 520 หน้า เท่านั้นเอง!!! น้อยกว่า Harry Potter เล่ม 7 อีกนะครับ) แต่ปัญหาคุณๆทั้งหลายจะทนอ่านกันจนจบได้ไหมครับ ฮ่าๆๆๆๆ

No comments:

Post a Comment

Followers

Tags