"สิ่งต่างๆ ที่มีอยู่ทั่วไป ที่คนโยนทิ้งหรือรังเกียจนั้น อาจจะมีค่าในสายตาผู้อื่นก็ได้"
มุสิกเศรษฐี
เมื่อครั้งท่านยังเป็นเด็กนั้น ท่านลำบากมาก เพราะมีพ่อแม่เสียชีวิตตั้งแต่ยังท่านยังเด็กทำให้ท่านต้องรับจ้างเล็กๆน้อยๆ เพื่อหาเงินมาประทังชีวิต จนกระทั่งวันหนึ่งท่านกำลังกวาดใบไม้หน้าบ้านของเศรษฐีจุลลกะ ขณะที่เศรษฐีจุลลกะกำลังจะออกไปนอกบ้าน ท่านเศรษฐีจุลลกะได้สังเกตุเห็นซากหนูตายตัวนึง แล้วเอยขึ้นมาว่า "คนมีปัญญาย่อมใช้หนูตัวนี้เลี้ยงลูกเมียและประกอบการงานได้"
ในขณะนั้นตัวท่านมุสิกเศรษฐีก็ได้ยิน แต่ยังไม่เข้าใจจะหาเงินจากซากหนูตายได้อย่างไร เพราะว่าคนปกติอาจจะต้องจ้างคนเอาไปทิ้งด้วยซ้ำ แต่ทว่าท่านก็มีเวลาว่างอยู่แล้ว ดังนั้นแล้วก็นำใบไม้มาห่อซากหนูแล้วเดินเพื่อที่จะไปขายในตลาด และระหว่างทางที่ท่านเดินไปตลาดนั้น ก็ได้ผ่านหน้าบ้านของพราหมณ์ ซึ่งคนใช้ในบ้านนั้นก็เรียกให้ ท่านมุสิกเศรษฐีหยุดก่อน เพราะว่า อยากขอซื้อซากหนูตายไปให้อาหารแมว!?!?
ทำให้วันนั้นท่านมุสิกเศรษฐีได้เงินจากการขายซากหนูมา 1 กากณึก* ซึ่งท่านก็คิดว่าเรื่องนี้เป็นแค่เรื่องบังเอิญ เพราะว่าท่านนั้นคงไม่สามารถการขายซากหนูมาประกอบเป็นอาชีพได้ แต่เรื่องราวในวันนี้ได้สอน และให้ข้อคิดกับท่านเป็นอย่างยิ่งว่า
"สิ่งต่างๆ ที่มีอยู่ทั่วไป ที่คนโยนทิ้งหรือรังเกียจนั้น อาจจะมีค่าในสายตาผู้อื่นก็ได้"
จริงๆเรื่องราวของนิทานชาดกของท่านมุสิกเศรษฐีนั้น ยังมีต่ออีกเยอะนะครับ ซึ่งจะเป็นการสปอยต์เป็นอย่างมาก ถึงมากที่สุด ว่าทำไมท่านถึงตั้งตัวขึ้นมาได้ ดังนั้นแล้วผมจะไม่ขอเล่าต่อนะครับ เพราะว่าบางคนอาจจะอยากไปซื้อมาอ่านต่อเองมากกว่า
ขอบคุณครับ
*กากณึก มีความหมายว่า ทรัพย์มีค่าเท่าค่าแห่งชิ้นเนื้อพอกาพาไปได้; ชื่อมาตราเงินอย่างต่ำที่สุด
ตอนที่ผ่านมา
No comments:
Post a Comment